ฤาเหลือไว้เพียงตำนาน ช้างไทย: 05.ฤาเหลือไว้เพียงตำนาน ช้างไทย

สวัสดีครับ ท่านผู้เข้ามาเยี่ยมเยียน

บล็อกเรื่อง ฤาเหลือไว้เพียงตำนาน ช้างไทย เป็นการนำเสนอภาพของช้างไทยและคำบรรยายเป็นกลอนแปดสุภาพ จากปฏิทินตั้งโต๊ะ ปี ๒๕๔๕/2001 ของ องค์การค้าของคุรุสภา ทั้งนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นจิตสำนึกและมโนธรรมในหมู่คนไทยได้เมตตาสงสารช้างไทย ช่วยกันอนุรักษ์ช้างไทยอย่าให้สูญหายไปจากประเทศไทย เพราะช้างไทยป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองของเรา ช้างไทยเคยมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ไทยในฐานะมีส่วนร่วมกับมนุษย์ในการปกปักรักษาประเทศชาติในยามศึกสงคราม เคยช่วยลากซุงให้แก่พวกเรา ฯลฯ หากสิ่งที่หวังดังที่ตั้งไว้เป็นวัตถุประสงค์บรรลุถึงได้จริง ก็จะเป็นดังคำประพันธ์กลอนแปดที่ผู้ประพันธ์แต่งไว้อย่างไพเราะและมีความกินใจเป็นอย่างยิ่งในตอนเริ่มต้นว่า:

ลางเวลาป่าเขาก็เฉาแห้ง
หนาวร้อนแล้งมาเป็นหน้าฝน
ธรรมชาติอาจเปลี่ยนหมุนเวียนวน
ขอใจคนรักช้างอย่าสร่างซา

ป่าของไทยสมัยนี้ไม่มีช้าง
มีช้างบ้างบางทีไม่มีป่า
เพื่อช้างยืนชื่นเย็นเช่นก่อนมา
โปรดเมตตาต่อช้างอย่างจริงใจ

อำนาจเมตตาธรรมอำมฤต
อวยชีวิตโสตถีวันปีใหม่
พรพิบุลคุณพระรัตนตรัย
ขอทวยไทยทุกท่านสุขศานติ์เทอญ.

Monday, September 28, 2009

05.ฤาเหลือไว้เพียงตำนาน ช้างไทย

กว่าเติบใหญ่ภัยหลายมากรายกล้ำ
ฝ่าเถื่อนถ้ำน้ำลึกต้องฝึกสอน
ครูพังพลายหลายหน้าคอยอาทร
เรียนผันผ่อนหลีกหลบเมื่อพบภัย

ช้างคงมั่นกตัญญูรู้คุณแม่
รู้เผื่อแผ่แก่มิตรเป็นนิสัย
รู้อ่อนน้อมถ่อมงามขึ้นตามวัย
ไม่เหลิงไพรหลงเปลี่ยวเที่ยวโทนโทง

No comments:

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับช้าง

ตาสองข้างของช้างมองไม่ค่อยเห็น เนื่องจากตาของช้างมีขนาดเล็กนั่นเอง เชื่อกันว่าสายตาของช้างจะมองเห็นก็ต่อเมื่อสิ่งนั้นๆอยู่ในระยะใกล้ ช้างไม่มีท่อน้ำตา

งวงช้าง
งวงของช้างมีกล้ามเนื้อกว่า 40,000 มัด ในขณะที่ทั่วร่างกายของมนุษย์มีกล้ามเนื้อเพียง 639 มัดเท่านั้น งวงช้างประกอบด้วยส่วนที่เป็นจมูก และส่วนที่เป็นริมฝีปากบน ซึ่งสามารถยกของหนักได้ถึง 270 กิโลกรัม และสามารถสูดหายใจเอาน้ำเข้าไปในงวงได้ 6-10 ลิตร งวงช้างใช้ทำหน้าที่ได้หลายอย่าง หน้าที่สำคัญที่สุดคือหยิบจับอาหารและดูดน้ำ งวงช้างยังถูกใช้สำหรับเก็บสิ่งของ ขว้างปาสิ่งของ และดูดโคลน น้ำ และฝุ่นมาพ่นตามร่างกาย ด้วยเหตุนี้ช้างจึงสามารถปกป้องตนเองจากความร้อนของดวงอาทิตย์และจากแมลงต่างๆได้ นอกจากนั้นงวงช้างก็ยังถูกใช้เป็นอวัยวะรับรู้ทั้งจากกลิ่นและรสได้ ปลายของงวงช้างมีความไวต่อความรู้สึกมากและมีสิ่งที่ยื่นออกมาเหมือนนิ้วมือนิ้วเดียวที่สามารถหยิบจับสิ่งของเล็กๆได้

หูช้าง
หูช้างมีความสามารถรับรู้เสียงได้อย่างเยี่ยมยอด หูทุกข้างของข้างมีลักษณะพิเศษและมีประโยชน์ใช้บ่งบอกเอกลักษณ์ของช้างได้ หูสองข้างของช้างเต็มไปด้วยสายระโยงระยางของเส้นเลือดที่ประกอบกันเข้าเป็นระบบสร้างความเย็นที่มีความละเอียดอ่อนมาก เมื่อช้างโบกหูสองข้างย่างสม่ำเสมอ มันก็จะทำให้เลือดของช้างเย็นและลดอุณหภูมิของร่างกายช้างได้ถึง 15 องศา การกระดิกหูของช้างช่วยให้อุณหภูมิของเลือดช้างเย็นลงในขณะที่เลือดแล่นผ่านหูที่โบกและส่งผ่านความเย็นต่อไปให้เกิดความเย็นทั่วร่างกาย

ผิวหนังช้าง
ผิวหนังช้างมีความไวต่อการรับรู้จากแสงอาทิตย์ การสัมผัส และการกัดของแมลงต่างๆ ด้วยเหตุนี้ช้างจึงต้องอาบน้ำและนำฝุ่นมาพ่นลงตามตัวอยู่เสมอๆ ช้างมีผิวหนังเหี่ยวย่นซึ่งจะช่วยเพิ่มพื้นที่ของพื้นผิวหนังซึ่งก็จะช่วยสร้างความเย็นให้แก่ร่างกาย เมื่อช้างอาบน้ำ น้ำจะซึมเข้าไปในผิวหนัง ซึ่งก็จะช่วยคงความเย็นในร่างกายไว้ได้นาน ๆ หนังส่วนที่หนาที่สุด(ซึ่งหนาสุดถึง 4 เซนติเมตร) จะพบได้ที่บริเวณศีรษะและที่บริเวณหลังของช้าง ผิวหนังส่วนที่บางที่สุดของช้างคือส่วนที่อยู่ที่ปาก ที่ทวารหนัก และที่ด้านหลังของใบหูทั้งสองข้าง เมื่อช้างแรกเกิดนั้น ทุกตัวจะมีสีเดียวกันหมด แต่พอช้างอายุมากขึ้น จะมีสีต่างๆมาปรากฏกระจายอยู่ตามใบหน้า งวง หู ไหล่ และตามส่วนอื่นๆของร่างกาย สีนี้เป็นตัวบ่งชี้ที่มีประโยชน์ในการกำหนดรูปพันธุ์ของช้างแต่ละเชือก

เท้าช้าง
แม้ช้างจะมีลักษณะมีอุ้งเท้าแบนราบ แต่ความจริงช้างเดินด้วยการใช้นิ้วเท้าจิกพื้น ส้นเท้าช้างมีลักษณะเป็นเนื้อเยื่อที่แบนราบติดกันและมีความยืดหยุ่น พื้นที่ของผิวอุ้งเท้าส่วนใหญ่ใช้เพื่อรองรับน้ำหนักทั้งหมดของตัวช้างได้ ด้วยเหตุที่ช้างไม่มีต่อมเหงื่อ ยกเว้นต่อมเหงื่อเล็กๆที่อยู่ระหว่างนิ้วเท้าเท่านั้น ดังนั้นจึงเป็นความจำเป็นของช้างที่จะต้องรักษาเท้าของมันให้สะอาดอยู่เสมอ

การเดินของช้าง
ช้างเดินได้ตามปกติด้วยความเร็ว 6.5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ก็สามารถเร่งให้ช้างเดินด้วยความเร็วเพิ่มเป็นสองเท่าได้ หรือจะเร่งให้เดินช้างด้วยความเร็วถึง 48 กิโลเมตรต่อชั่วโมก็ยังได้

การว่ายน้ำของช้าง
ช้างเป็นนักว่ายน้ำเก่งมาก โดยช้างจะใช้งวงเป็นอุปกรณ์หายใจใต้น้ำ

หัวใจช้าง
หัวใจของช้างมีน้ำหนักเฉลี่ยระหว่าง 12-21 กิโลกรัม ในขณะที่หัวใจมนุษย์มีน้ำหนักเฉลี่ย 300 กรัม หัวใจช้างเต้น 46-50 ครั้งต่อนาที ชีพจรช้างจะเต้นเร็วขึ้นเมื่อช้างนอน และจะเต้นช้าที่สุดเมื่อช้างอยู่ในอิริยาบถยืนพักผ่อน

มันสมองช้าง
มันสมองของช้างมีน้ำหนักระหว่าง4-5 กิโลกรัม ช้างก็เช่นเดียวกับมนุษย์มีพรสวรรค์เฉพาะตัว และปกติจะมีความจำที่ยาวนานเป็นเลิศ ช้างสามารถทรงจำทั้งประสบการณ์ที่ดีและที่ไม่ดีได้เป็นเวลายาวนาน ช้างที่มีความเฉลียวฉลาดมากๆสามารถตอบสนองต่อเสียงออกคำสั่งได้กว่า 40 เสียง

ช้างไม่กินเนื้อ
ช้างเป็นสัตว์ที่ไม่กินเนื้อ ไม่เหมือนมนุษย์

งา/ฟันช้าง
งาช้างเป็นเครื่องมืออเนกประสงค์ที่ช้างใช้เพื่อขุดหาน้ำ หาเกลือ หารากไม้ ตลอดจนใช้เป็นอาวุธเพื่อป้องกันตัวและเพื่อรุกรานสัตว์อื่น ในขณะที่มนุษย์มีมือข้างซ้ายและมือข้างขวา ช้างก็มีงาข้างซ้ายและงาข้างขวา งาของช้างก็คือฟันบนของช้างและจะงอกออกมาเรื่อยๆตลอดชีวิตชองช้าง ลูกช้างจะเกิดมาพร้อมกับงา(ฟัน)น้ำนมเล็กๆที่มีขนาดเท่านิ้วมือของมนุษย์ หลังจากลูกช้างอายุได้ 1 ปี งา(ฟัน)ช้างถาวรก็จะงอกออกมา ช้างมีฟันกราม 6 ชุดในช่วงชีวิตหนึ่งๆ ฟันชุดใหม่ของช้างจะไม่งอกออกมาตามแนวตั้งเหมือนสัตว์อื่นๆแต่จะงอกออกมาจากด้านหลังของฟันเก่า แล้วก็จะยาวออกมาเรื่อยๆ

การย่อยอาหารของช้าง
ช้างเป็นสัตว์กินพืช ช้างสามารถกินพืชกว่า 200 ชนิด รวมทั้ง ผลไม้ หญ้า ใบไม้และเปลือกไม้ ช้างป่าสามารถกินอาหารได้วันละ 18 ชั่วโมง และสามารถเดินทางหาอาหาได้วันละ 30 กิโลเมตร ช้างจะใช้เวลา 24 ชั่วโมงเพื่อย่อยอาหาร ช้างย่อยอาหารประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ของอาหารที่กินเข้าไป ที่เหลือที่ไม่ย่อยก็จะถ่ายออกมาเป็นมูลช้าง ด้วยเหตุนี้มูลช้างจึงมีผลสำคัญต่อการกระจายของเมล็ดพืช เมล็ดในของพืชบางชนิดจะเจริญงอกงามได้ก็ต่อเมื่อเปลือกนอกขอมันถูกบดด้วยกรามอันแข็งแรงของช้างเท่านั้น ช้างดื่มน้ำโดยเฉลี่ยวันละ 100 ลิตร แต่ถ้าวันไหนร้อนมากๆ ช้างก็จะดื่มน้ำวันละ 200 ลิตร

อารมณ์ของช้าง
ช้างจะแสดงอารมณ์ออกมา ช้างมีความสุขเมื่อได้กลับมาพบครอบครัวและเพื่อน ซึ่งช้างก็จะแสดงความสุขนี้ออกมาด้วยการหมุนตัวไปรอบๆ ชูงวงขึ้นสู่อากาศ ถ่ายอุจจาระ ถ่ายปัสสาวะ โบกสบัดหู และส่งเสียงร้องดัง ช้างจะเสียใจและเศร้าโศกเมื่อสมาชิกในโขลงช้างเกิดการล้มตาย

การสื่อสารของช้าง
ช้างสื่อสารถึงและกันได้ไกลหลายกิโลเมตร โดยการใช้อินฟราซาวน์ อันเป็นระดับเสียงต่ำมาก ซึ่งหูของมนุษย์ไม่สามารถรับฟังได้ ถึงแม้บางครั้งเราจะมีความรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนนั้นก็ตาม ช้างสามารถใช้งวงเป็นสื่อส่งเสียงร้องแสดงความต้อนรับและร้องแสดงความเสียใจได้ ช้างยังใช้หูสื่อสารถึงกันและกันได้ ช้างที่มีความสุขจะแสดงความสุขนี้ออกมาด้วยการชันหู ระดับเสียงร้องของช้างประกอบด้วย เสียงร้องดังมาก เสียงหายใจฟืดฟาด เสียงหวีดร้อง เสียงร้องครืนๆ และเสียงร้องคำราม เสียงร้องของช้างอาจไปได้ไกลเป็นกิโลเมตรก็ได้ เสียงร้องจะถูกใช้เป็นเสียงเตือนหรือเสียงติดต่อสื่อสารถึงเหล่าสมาชิกในโขลงช้าง การสื่อสารโดยทั่วไปจะกระทำผ่านทางสัมผัสทางกาย ทางตา ทางหูและทางกลิ่น ตำแหน่งของศีรษะ หาง หู และงาล้วนถูกใช้สื่อสารข้อความให้เห็นได้ทั้งนั้น

โครงสร้างทางสังคม
ช้างแม่ทูนหัว(matriarch) ซึ่งก็คือช้างพังหรือเพศเมียที่อายุมากที่สุด จะทำหน้าที่นำและควบคุมโขลงช้าง ช้างแม่ทูนหัวนี้เป็นช้างมีประสบการณ์มามาก ซึ่งจะมีความรอบรู้เกี่ยวกับสภาพแวดล้อมของช้างมาก เช่น เรื่องของแหล่งอาหาร และแหล่งน้ำเป็นต้น ช้างโขลงหนึ่งๆจะประกอบด้วยช้างพังหรือเพศเมียและบรรดาช้างลูกหลานอื่นๆ ช้างพลายหรือช้างเพศผู้ปกติจะออกจากโขลงเมื่ออายุระหว่าง 7-8 ปี ช้างพลายที่ออกจากโขลงแล้วจะท่องเที่ยวไปตามลำพังหรือไปรวมอยู่ในกลุ่มช้างพลายโสดด้วยกัน ซึ่งจะเข้าโขลงอีกครั้งก็เพื่อการผสมพันธุ์ สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดอย่าหนึ่งของช้างก็คือวิธีการที่โขลงช้างให้การดูแลบรรดาลูกช้างในโขลง ลูกช้างที่เกิดใหม่ยังไม่รู้เดียงสามีอันตรายรอบด้านจึงต้องการความคุ้มครองและการแนะนำพร่ำสอน ดังนั้นครอบครัวของโขลงช้างจึงต้องทำหน้าที่ในการปกป้องคุ้มครองให้ ช้างพังหรือช้างเพศเมียที่ยังสาวอยู่จะคอยดูแลลูกช้างและช้างทั้งโขลงก็จะช่วยในการให้การศึกษาอบรมแก่ลูกช้าง ลูกช้างก็จะได้เรียนรู้ผ่านทางการแนะนำพร่ำสอน การเล่น และการลอกเลียนแบบ

อายุขัยของช้าง
อายุขัยเฉลี่ยของช้างป่าคือ อายุระหว่าง 50-70 ปี ช้างบ้านมีอายุขัยยืนยาวมากกว่านี้เพราะมีการเปลี่ยนแปลงอาหารให้ช้างบ้านเพื่อให้เหมาะกับฟันของช้าง ช้างที่อายุขัยยืนยาวมากมากที่สุดตามที่บันทึกไว้ในประเทศไทยคืออายุ 137 ปี ภาวะสุกงอมทางเพศหรือวัยเจริญพันธุ์ของช้างคืออายุระหว่าง 13-14 ปี ช้างพังหรือช้างเพศเมียพร้อมที่จะผสมพันธุ์ได้ปีละ 4 ครั้ง ช้างจะตั้งต้องอยู่เป็นเวลา 20-23 เดือน ร่างกายของลูกช้างที่เกิดใหม่มีน้ำหนักระหว่าง 70-100 กิโลกรัม การผสมพันธ์สามารถเกิดขึ้นได้ในช่วงใดช่วงหนึ่งของปี ช้างพังตกลูกครั้งละตัวและลูกช้างจะได้รับการอนุบาลเป็นเวลาอย่างน้อย 2 ปี

ฤาเหลือไว้เพียงตำนาน ช้างไทย

สวัสดีครับ ท่านผู้เข้ามาเยี่ยมเยียน

Monday, September 28, 2009

05.ฤาเหลือไว้เพียงตำนาน ช้างไทย

No comments:

Post a Comment

Google

ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย

Elephantstay,Thailand,

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับช้าง

สินค้ามีระดับจากลาซาด้า